วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

สุขภาพแมว



 วัคซีนสามารถช่วยป้องกันแมวจากโรคติดเชื้อได้ แต่ท่านไม่ควรจะละเลยปัจจัยอื่นที่สำคัญพอๆกัน ในการทำให้แมวของท่านมีสุขภาพดี ได้แก่ เรื่องอาหาร และการควบคุมพยาธิ สัตวแพทย์จะเป็นผู้ช่วยเหลือให้ท่านมั่นใจว่าท่านได้ให้การเลี้ยงดู และป้องกันอย่างดีที่สุดแก่แมวที่ท่านรักและให้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยให้แมวของท่านมีสุขภาพดี และยืนยาว โปรดระลึกไว้เสมอว่าแนวทางทางการป้องกันโรคเหล่านี้ในแมว ก็คือการนำแมวไปฉีดวัคซีนซึ่งได้ผลมากกว่า 90 % โอกาสจะเกิดโรคจะลดน้อยลงเหลือเพียง 5 -10 % หรือถ้าเกิดโรคก็จะไม่รุนแรงมากนัก แมวต้องพึ่งพาท่านท่านเป็นผู้เดียวที่สามารถให้การดูแลอย่างดีที่สุดแก่เขาโปรดพาเขาไปพบสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
โรคของแมวที่ต้องฉีดวัคซีน
แมวแหมียว เป็นสัตว์ที่รักอิสระ มีนิสัยชอบท่องเที่ยว ซึ่งวิถีชีวิตแบบนี้ อาจนำเจ้าเหมียวให้ไปสัมผัส
กับสัตว์อื่นๆ ทำให้มีโอกาสติดโรคต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีโรคต่างๆ หลายชนิดที่เมื่อแมวเป็นแล้ว
มักจะถึงแก่เสียชีวิต ได้แก่ โรคมะเร็งเม็ดเลือด (Feline Leukemia) โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ (Feline Infectious Peritonitis)และโรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) โรคไข้หัดแมว ( Feline Distemper ) โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ส่วนโรคอื่นๆก็อาจเป็นอันตรายกับลูกแมว หรือทำให้แมวโตเต็มวัยมีสุขภาพถดถอยได้ ยังนับว่าเป็นโชคดีที่มีวัคซีนเพื่อป้องกันโรคสำคัญๆในแมว วัคซีนจะช่วยปกป้องแมว จากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ การป้องกันจะเป็นหลักประกันว่าท่านได้ให้คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับแมวของท่านและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า การรักษาเมื่อแมวเป็นโรคนั้น การฉีดวัคซีนให้แมวเป็นวิธีที่ดีที่สุดและราคาถูกสุดในการป้องกันโรคต่างๆถ้าท่านเลี้ยงแมวโดยไม่รัการฉีดวัคซีนตามโปรแกรม แมวของท่านอาจล้มป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โปรดปรึกษาสัตวแพทย์ ถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน โรคติดต่อในแมว

ทำไมลูกแมวจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหลายเข็ม
ลูกแมวที่ยังไม่ได้หย่านมจะได้รับภูมิคุ้มกันจากน้ำนมแม่ที่ช่วยป้องกันโรคโรคภัยต่าง ๆ ในช่วงเดือน แรก ๆ ของชีวิตแต่ภูมิคุ้มภูมิคุ้มกันจากแม่เหล่านี้จะรบกวนการฉีดวัคซีน ทำให้วัคซีนไม่ได้ผลดี อย่างไรก็ตามภูมิคุ้มกันจากแม่จะค่อย ๆ ลดลงในช่วง 2 - 3 เดือนแรกดังนั้นจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ลูกแมว 
2 - 3 ครั้งในช่วงอายุ 6 - 16 สัปดาห์ เนื่องจากถ้าภูมิคุ้มกันจากแม่รบกวนการทำวัคซีนเข็มแรก วัคซีนเข็มต่อ ๆ มาจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายลูกแมว ผลิตภูมิคุ้มกันตัวเองต่อโรคนั้น ๆ ได้




อ้างอิงมาจาก http://www.catandkittenstory.com/cat-health.asp

อาหารของแมว

อาหารแมวยี่ห้อ Royal canin
 อาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงแมวถึงแม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์ประเภทกินเนื้อก็ตาม แต่แมวก็แตกต่างไปจากสัตว์กินเนื้อประเภทอื่นๆเรื่องความต้องการอาหารที่มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอแมวแต่ละช่วงอายุมีความต้องการอาหารแตกต่างกันไปตั้งแต่ลูกแมว,แมวโต,แมวพ่อแม่พันธุ์,แมวท้อง,แมวเลี้ยงลูก จนกระทั่งเป็นแมวแก่ถ้าแมวได้รับอาหารที่ดีและเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละช่วงอายุแล้ว ก็จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ สามารถอยู่กับเจ้าของได้นานๆการที่แมวท้องใหญ่ เจ้าของแมวอาจคิดว่าเกิดจากการบำรุงเลี้ยงดูจนมีสุขภาพดีแต่แท้จริงแล้วแมวอาจเป็นโรคพยาธิก็ได้โดยเฉพาะลูกแมวการที่แมวกินข้าวคลุกปลาได้ทุกวันไม่ใช่เพราะว่าแมวชอบแต่เพราะมันหิว หรือแมวที่จับหนกินไม่ใช่เพราะว่ามันชอบกินหนูหรือกินหนูแล้วจะแข็งแรงแต่เพราะว่ามันหิวเต็มที่แล้ว ถ้าแมวไม่หิว เมื่อมันจับหนูมามันจะไม่กิน แต่มันจะใช้เป็นของเล่นจนกว่าหนูจะตาย ดังนั้นการให้อาหารแมวจึงควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับความต้องการของแมวด้วย ไม่ควรให้มากหรือน้อยเกินไป
อาหารแมว
ผู้เลี้ยงแมวส่วนมากนิยมให้แมวกินข้าวคลุกปลา แต่ถ้าจะเลี้ยงให้มีสุขภาพสมบูรณ์ก็ควรจะ
เสริมอาหารอื่นๆ เพิ่มอีกด้วย เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เครื่องในสัตว์ นม ไข่และอื่นๆ
   - เนื้อวัว เนื้อหมู ตับ ไต หัวใจ ควรทำให้สุกก่อนเพื่อป้องกันพยาธิ
   - ไข่ ผสมกับข้าวให้กินทุกวันได้ยิ่งดี (ถ้าไม่ได้ ให้ผสมกับข้าวอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง )
   - ปลา ต้องทำให้สุกและต้องเอาก้างออกให้หมด
   - อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ก็เป็นอาหารที่แมวชอบแต่ต้องระวังอย่าให้ส่วนที่แข็งปะปนไปด้วย
   - เนื้อไก่ เนื้อเป็ด ให้กินเป็นครั้งคราว
   - น้ำสะอาด ควรมีไว้ให้แมวกินได้ตลอดวัน
   - น้ำต้มเนื้อ เป็นอาหารที่แมวกินได้ทุกวัน
   - นม เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับลูกแมวและแมวทุกวัย
หลักการให้อาหารแมว
1. อาหารแต่ละมื้อ ควรประกอบไปด้วยสารอาหารประเภทต่างๆ ครบถ้วนตามความต้องการของ
แมวในแต่ละช่วงอายุและแต่ละพันธุ์ดังนี้
  ก. เนื้อให้โปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ
  ข. ไขมัน ให้พลังงาน ความร้อน และวิตามินเอและดี
  ค. ข้าวและเมล็ดธัญพืชทุกชนิด ให้พลังงานและวิตามินบี และอี
  ง. ผักใบเขียวดิบๆ หรือต้มไฟอ่อนๆ ให้เกลือแร่วิตามินซี และวิตามินอื่นๆ
  จ. ไข่ ตับ ให้ไขมัน ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัสและวิตามินประเภทต่างๆ เช่นวิตามินเอ วิตามินดีวิตามินบี เป็นต้น
2. ให้กินเป็นเวลาควรเริ่มต้นฝึกให้แมวกินเป็นเวลาตั้งแต่อายุ 3เดือน เพื่อแมวจะได้ไม่ร้องหิวให้ รำคาญ ไม่รบกวนอยู่รอบๆ เพื่อขออาหารกินและไม่บุกเข้าไปกินอาหารต่างๆในครัว เช่น แมวโตให้อาหารวันละ 2 มื้อ คือมื้อเช้ากับมื้อเย็น และให้ตรงเวลาทุกวัน ส่วนลูกแมวให้บ่อยขึ้นอาจให้วันละ 3-4 ครั้ง
3. ปริมาณอาหารที่ให้ ควรให้ครั้งละน้อยๆ แต่เพียงพอ ไม่ควรให้กินมากเกินไปเพราะจะทำให้ระบบ
การย่อยอาหารต้องทำงานหนัก อาหารย่อยไม่หมด การใช้ประโยชน์จากอาหารลดลง ถ้าเห็นแมวกิน
อาหารแบบเล็มๆหมายความว่าควรลดจำนวนอาหารลงถ้าแมวได้รับปริมาณอาหารเกินความต้องการ
จะทำให้เกิดโรคอ้วน แมวจะอายุสั้น จึงควรจำกัดปริมาณอาหารให้สมดุลกับความต้องการ ไม่มาก
หรือน้อยเกินไป โดยการวัดผลจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละสัปดาห์


อ้างอิงมาจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=reddiary&group=98

แล้วผมนำมาเขียนเองเพิ่มจากที่ผมเลี่ยงแล้วให้อาหาร

พฤติกรรมของแมว

ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารทั้งมนุษย์และสัตว์แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ ภาษาพูด (ใช้เสียง)และภาษาท่าทาง (เป็นการใช้อวัยวะประกอบในการสื่อสาร) แมวสามารถใช้หางในการสื่อสารบ่งบอกถึงอารมณ์ของมัน(เช่น เดียวกันกับสัตว์ชนิดอื่นๆ)ดังต่อไปนี้
-ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้นแสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย
-ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้าหรือข้างหลังแสดงว่าแมวตัวนี้กำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ
-ถ้าหางของแมวตั้งตรง โดยที่หาง หรือปลายหางกระดิกหรือสั่นอย่างนุ่มนวลแสดงว่าแมวกำลังแสดงความชอบความรัก
-ถ้าหางของแมวนิ่งแต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนักแสดงว่าแมวกำลังรู้สึกโกรธมากถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง แสดงว่าแมวกำลังโกร
-ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน แสดงว่าแมวอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีกถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและลุกพองออกแสดงว่าแมวกำลังกลัว
-ถ้าหางของแมวลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง อาจจะแสดงว่ากำลังยอมแพ้
-ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวลแสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
-ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกดี เป็นมิตรเมื่อได้พบกัน
-ถ้าหางของแมวอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว แสดงว่าแมว รู้สึกว่าถูกรบกวนหรือมีความกังวล ทุกข์
-ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน แสดงว่แมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว
-ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ แสดงว่าแมวอาจจะมีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ
-ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และแมวหมอบ หรือย่อตัวอยู่หรือส่วนตะโพกสูงขึ้นแสดงว่าแมวตัวเมียตัวนั้นพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์

ข้อสังเกตุ : ต้องคิดอยู่เสมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแมว ณ สถานการณ์นั้นและสิ่งแวดล้อมที่แมวอยู่อย่าดูอารมณ์ของด้วยอาศัยท่าทางของหางของแมวแต่เพียงอย่างเดียว !!!** แมวมักจะแกว่งหางเมื่อมันกำลังอารมณ์ดี **!!!



อ้างอิงมาจาก ผมเขียนและได้สัมผัสมาจิงๆแล้วคับเพราะผมเลี้ยงแมวอยู่

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประวัติแมวสฟิงค์


บางครั้งใคร ๆ ก็เรียกแมวพันธุ์สฟิงซ์ว่า “ แมวไม่มีขน ” แม้ว่าที่จริงแล้วมันมีขนปกคลุมอยู่บาง ๆ โดยจะเห็นได้ชัดเจนบริเวณปลายลำตัวทั้ง 2 ข้าง 
แมวไม่มีขนตัวแรกปรากฏขึ้นที่แคนาดา ใน พ.ศ. 2509 และต่อมาจึงได้กลายเป็นแมวพันธุ์หนึ่ง โดยใช้แมวขนสั้นของอเมริกามาผสม
แต่สมาคมผู้เลี้ยงแมวส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมรับแมวพันธุ์นี้เนื่องจากเชื่อกันว่าการที่ไม่มีขนอาจทำให้เกิดอันตรายต่อแมวได้ และไม่ได้เป็นลักษณะเฉพาะคล้ายกับการกลายพันธุ์ นอกจากนี้การไม่มีขนอาจทำให้แมวอ่อนแอเปราะบางต่อความหนาวเย็นและอากาศร้อน
นิสัย 
น่ารัก รักเจ้าของ 
ลักษณะทั่วไป 
ลำตัวยาวหางยาว เรียวปลายหาง
มีขนยาวปกคลุมขายาวปานกลาง 
หัวคล้ายลิ่ม หูเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายหูกลม 
สีลำตัวสีน้ำตาลขาว หรือดำขาว 
พื้นท้องเป็นแถบขาวยาวตลอดลำตัวตั้งแต่ปาก 
ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะไม่เหมือนแมวพันธุ์อื่นตาสีอำพัน 













อ้างอิงมาจาก ผมเขียนเองขึ้นมาคับ

ประวัติแมววิเชียรมาศ



แมววิเชียรมาศ ตรงกับความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว" ซึ่งก็ตรงกับคำว่า "วิเชียร" แมวชนิดนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมวเก้าแต้มเสมอ ที่จริงแล้วไม่ถูกต้อง แมวเก้าแต้มคือแมวที่มีสีพื้นสีขาว และมีแต้มบนร่างกาย 9 แห่ง เหตุที่มักเข้าใจผิดเพราะแมววิเชียรมาศ จะมีสีพื้นสีขาวงาช้าง (หรือโบราณจะเป็นขาวล้วนก็ไม่ทราบ) และมีแต้มที่จมูกครอบไปถึงปากเป็นหนึ่งแห่ง กับขาทั้งสี่ หูสอง หางหนึ่ง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่ง รวมเป็น 9 แห่งเช่นกัน ในแมววิเชียรมาศนี้แต้มตามตำราว่าไว้ว่าต้องเป็นสีดำดังหมึกวาด แต่ปัจจุบันเมื่อดูให้ดีแล้วจะเป็นแต้มสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ไม่ได้ดำสนิท หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Seal brown หรือแต้มสีครั่ง แมววิเชียรมาศเป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า แมวสยาม (Siamese Cat) แต่ต่างประเทศจะมีแต้มสีอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งประเทศไทยจะยอมรับเฉพาะแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแมวชนิดนี้
แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยโบราณที่มักเลี้ยงกันในวัง ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นแมวมงคลตามตำรา มักกล่าวว่าแมวมงคลคนธรรมดาสามัญชนไม่สามารถเลี้ยงได้ เมื่อสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2 แมวไทย 17ชนิดในพระราชวังของกรุงศรีอยุธา ได้ถูกพวกพม่า และเชลย ได้นำไปพม่า เพราะพม่าคิดว่า แมวไทยคือทรัพย์สินที่มีค่าชนิดนึงเนื่องจากแมวไทยในอยุธยาสามารถซื้อขายได้ถึง 1แสนตำลึงทอง หากใครมีแมวชนิดนี้จึงนำมาขายแก่วัง ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้แมวไทยสูญพันธุ์ หลังจากนั้น แมววิเชียรมาศก็สาบสูญหายไปจากประเทศไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทธสโร ได้ไปเที่ยวกรุงศรีอยุธยาร้าง แล้วไปเจอสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผา จึงนำสมุดข่อยกลับมา แล้วให้คนไปไล่ต้อนจับแมววิเชียรมาศ จนได้แมววิเชียรมาศกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง

อ้างอิงมาจาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A8

ประวัติแมวเมนคูน


เป็นแมวลูกผสมที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกา เชื่อกันว่าเกิดจากแมวที่ผสมพันธุ์กันในอเมริกา 
มีการบันทึกกันไว้ว่า พระนางมารี อังตัวเน็ต พระราชินีของ พระราชาฝรั่งเศส ได้ส่งทั้งของและเจ้าพวกสัตว์เลี้ยง เช่น แมวเมนคูน ของพระนางไปก่อนล่วงหน้าก่อน ตอนที่พระนางเตรียมหนี จากพวกปฏิวัติในฝรั่งเศส เข้ามหาสมุทรแอตแลนติกไปอเมริกา
ต้นชื่อที่เรียกว่า เมน นั้น เพราะแม่พันธุ์นี้ ได้พบกันครั้งแรกตอนที่มันมาขึ้นฝั่ง ที่รัฐ ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ด้านอเมริกาเหนือคือ รัฐเมน ส่วนชื่อ คูน ท่อนหลังนั้นน่า จะมาจากพวงหาง ของเจ้าแมวพันธุ์ที่ว่าที่มีหางเป็นพวงเหมือนตัวแรคคูนที่มีอยู่ในทวีปอเมริกา
เจ้าแมวเมนคูน เป็นแมวที่ได้จากการผสมของตัวแรคคูน กับแมวบ้าน จึงมีชื่อว่า
" MaineCoon " 
ซึ่งมาจากชื่อเมือง Maine กับคำว่า Raccoon
ลักษณะโดยทั่วไป
แมวเมนคูน เป็นแมวช่างสงบเสงี่ยม มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง จัดเป็นแมวที่มีพละกำลังมากพันธุ์หนึ่งและมีลักษณะนุ่มนวล เป็นมิตรกับผู้คน 
ลักษณะประจำพันธุ์
เป็นแมวที่มีลำตัวหนาหนักแน่น รูปร่างค่อนข้างใหญ่ ผิวขนคล้ายเชือกพันเป็นเกลียว( มองดูคล้ายแมวพันธุ์เปอร์เซีย ) มีขนขึ้นปกคลุมหนาแน่น ขนยาวไม่มากนัก บางตัวอาจมีขนาดใหญ่น้ำหนักตัวถึง 13.5 กิโลกรัม
หัวมีขนาดกลาง หน้าเป็นเหลี่ยม ใบหน้าราบแบน แก้มอยู่ในตำแหน่งที่สูง มีโครงกระดูกแก้มใหญ่ มีหูใหญ่และเป็นแมวที่มีรูปร่างสูง ตายาวติดกับบริเวณช่องจมูก จมูกเล็ก ช่วงขาแข็งแรง เท้ากลมมน ขนยาวและมีน้ำหนัก ลักษณะขนที่มีน้ำมันในตัวจึงไม่ค่อยเปียกน้ำ ปลายหางขนหยาบ ขึ้นหนาแน่นรกรุงรัง แต่ขนไม่ยาวนัก
บริเวณรอบลำคอ โคนใบหูขนมักพันเป็นกระจุก สีต้นตระกูลของแมวนี้ ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเงิน สีเหลือง ลูกนัยน์ตาเป็นรูปไข่ลาดเอียง ลูกนัยน์ตาสีเขียวเป็นประกาย

ลักษณะนิสัย

นิสัยมีความเป็นเด็กตลอดชีวิต ใบหน้ายังคงมีความเป็นแมวป่า มีแผงคอคล้ายสิงโต ฐานหูกว้างใหญ่ ปลายหูจะมีเส้นขนเป็นจะงอยออกมา มองจากด้านข้างลำตัวจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ขนกึ่งยาวไม่ฟูตั้งตกตามลำตัว เส้นขนใหญ่มีน้ำหนัก หางยาวมีวงเป็นปล้องเหมือนหางแรคคูน ถ้าเป็นสีลายเสือ จะต้องมีลายรอบวงหางตลอด ความยาวจากจมูกถึงปลายหางประมาณ 1 เมตร






อ้างอิงมาจาก http://www.catandkittenstory.com/board.asp?id=8314

ประวัติแมวเปอร์เซีย


แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะเป็นแมวขนยาว หน้าตาน่าเอ็นดู หัวกลมสวย ตากลมโต มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้นับเป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย

           แมวเปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีป ยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)

           ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศอังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง 

           นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว แมวเปอร์เซียยังถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกามานานหลายร้อยปี ซึ่งอเมริกาจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า Persian






อ้างอิงจาก http://pet.kapook.com/view166.html

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประวัติแมว




          จากหลักฐานรูปปั้นแมว มัมมี่แมว และภาพเขียนผนังเกี่ยวกับแมวแล้ว เราเชื่อว่าได้มีการเลี้ยงแมวในอียิปต์ มาตั้งแต่โบราณกาล (ประมาณก่อนพุทธศักราช 2,600 ปี)อียิปต์เป็นชาติแรกที่ฝึกแมว ซึ่งเดิมเป็นสัตว์ป่าให้เชื่อง และเลี้ยงแมวไว้ในบ้านเพื่อช่วยจับหนู ช่วยให้พีชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ปราศจากหนูรบกวน เมื่อแมวอียิปต์ ถูกพาลงเรือสินค้าแล่นไปในทะเลเมดิเตอร์เรนียน เพื่อให้ช่วยจับหนูในเรือ เมื่อเรือจอด แมวอาจเดินขึ้นจากเรือ เพื่อเดินหยียด
แข้งขา หรืออาจ แวะชมสิ่งน่าสนใจ จนลืมกลับลงเรือ แมวจึงแพร่พันธุ์ไป ในประเทศต่างๆทั่วโลก
เนื่องจากแมวทั่วโลกมีหลายสายพันธุ์ผมจึงขอยกตัวอย่างมา4สายพันธุ์












อ้างอิงมาจาก http://student.nu.ac.th/lovelycat/HistoryCat.html